วิ่งเทรลแนวชายแดน Border Trail Run ตาพระยา ตามรอยอารยธรรม ไทย – กัมพูชา คึกคักเหล่านักวิ่งปอดเหล็กแห่ร่วม โดยแม่ทัพภาคที่ 1 เป็นประธานปล่อยตัวนักกีฬา
วิ่งเทรลแนวชายแดน – กองทัพภาคที่ 1 ร่วมกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย และจังหวัดสระแก้ว จัดแข่งขันวิ่งตามภูมิประเทศ (Trail Running) ในพื้นที่ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว เพื่อเป็นการสนองนโยบายของนายกรัฐมนตรี ในการส่งเสริมการออกกำลังกายด้วยการวิ่งในภูมิประเทศที่มีทิวทัศน์สวยงาม
อีกทั้งเป็นการนำเสนอพื้นที่สู้รบตามแนวชายแดนในอดีต ให้ปรากฏต่อสาธารณชน เพื่อให้ระลึกถึงวีรกรรมความกล้าหาญของทหาร จนนำมาสู่การพัฒนาเป็นหมู่บ้านมั่นคงตามแนวชายแดน อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ การค้าขายและการท่องเที่ยวอารยธรรมตามแนวชายแดน ไทย – กัมพูชา ในพื้นที่
เมื่อวันที่ 10 ก.ย. พลโท สุขสรรค์ หนองบัวล่าง แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นประธาน เปิดการแข่งขันปล่อยตัวนักกีฬา และเข้าร่วมการแข่งขันในระยะ 10 กิโลเมตร ที่จุดปล่อยตัวบ้านทับทิมสยาม 03 ตำบลทัพไทย อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว และวันที่ 11 ก.ย. โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว, อุปนายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสระแก้ว, ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสระแก้ว, นายอำเภอตาพระยา, ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านทัพไทย และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ร่วมในพิธีเปิดการแข่งขันและปล่อยตัวนักกีฬา
ผลการแข่งขัน ซึ่งแบ่งเส้นทางออกเป็น 5 ระยะ ปรากฏว่า ระยะทาง 5 กิโลเมตรชาย แชมป์ตกเป็นของ สมัญญา ทาจา ทำเวลาได้ 17.22 นาที ส่วน ประเภทหญิง สุพรรณี พุฒธานี ทำเวลาได้ 24.52 นาที
แชมป์ ระยะทาง 10 กิโลเมตรชาย อัจฉริย ฝาดแสนศรี ทำเวลาได้ 36.35 นาที ส่วน ประเภทหญิง วิมลมาลย์ ทองเพชร ทำเวลาได้ 48.27 นาที
แชมป์ ระยะทาง 25 กิโลเมตรทชาย ไพโรจน์ สุดวิลัย ทำเวลาได้ 02.38.06 ชม. ส่วน ประเภทหญิง สุนันท์ ยอดสิงห์ ทำเวลาได้ 03.56.03 ชม.
แชมป์ ระยะทาง 60 กิโลเมตรชาย พงษ์พันธ์ พงษ์ทิตย์ ทำเวลาได้ 06.59.04 ชม. ส่วน ประเภทหญิง สุธินี ราสพ์ ทำเวลา 08.03.25
แชมป์ ระยะทาง 100 กิโลเมตร ตกเป็นของ เชิดเกียรติ ใจงาม ทำเวลาได้ 15.08.21 ชม.
สำหรับ วัตถุประสงค์ของการแข่งขัน ตามภูมิประเทศ (Trail Running) ในพื้นที่ อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว คือ
1.เพื่อส่งเสริมการออกกำลังกายสำหรับประชาชนทั่วไป เพื่อให้มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์ แข็งแรง
2.ให้ประชาชนได้รับทราบถึงการพัฒนาพื้นที่ตามแนวชายแดน อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว ซึ่งในอดีตเคยเป็นพื้นที่สู้รบ แต่ในปัจจุบันได้พัฒนามาเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจการค้าตามแนวชายแดน ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศ อีกทั้งยังเป็นการรำลึกถึงวีรกรรมความกล้าหารของทหาร ที่ปกป้องอธิปไตยของประเทศ นำความสงบสุขร่มเย็นมาสู่อนุชนรุ่นหลัง
3.กระตุ้นการท่องเที่ยวตามแนวอารยธรรม ไทย – กัมพูชา และฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ ภายหลังจากที่ประเทศกำลังฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
